วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

จน ไม่ได้เป็นกรรมพันธุ๋

ใครที่กำลังอ่านเรื่องนี้อยู่ บอกดิฉันได้ไหมว่า..ทำไมถึงจน? ทำไมต้องจน? ไม่มีเวลา? ทำไมไม่มีเวลา? ไม่มีเวลาทำโน้น ไม่มีเวลาทำนี่ ไม่มีๆ และก็ทำไม ฯลฯ เออ..ยังเป็นโจทย์ที่ดิฉันสนใจมากที่สุดตลอดทั้งชีวิตของดิฉันเลยทีเดียว และดิฉันก็เชื่อว่า หลายๆ คนคงเคยใช้ประโยค หรือโจทย์เหล่านี้กับตัวเองบ้างเช่นกันไม่มากก็น้อยใช่หรือเปล่าค่ะ? เพราะอะไรทำไมผู้คนส่วนใหญ่ชอบใช้ประโยคพวกนี้กัน และมันมีอิทธิพลต่อชีวิตเราอย่างไร แบบไหน และหากไม่ต้องการจะใช้ประโยคเหล่านี้อีกต่อไปจะต้องทำยังไง? ดิฉันพยายามคิด และค้นหาคำตอบมาเกือบทั้งชีวิต และได้ศึกษาว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงจน?
เหตุผลของคนจนก็คือ

1.คำแก้ตัว
2.ไม่ยอมศึกษาหาความรู้ใหม่ๆเข้ามาในชีวิต
3.ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
4.ขาดความใฝ่ฝัน และจินตนาการที่ดี
5.ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน

ทำไมถึงจน? ทำไมต้องจน?  ไม่มีเวลา? ทำไมไม่มีเวลา? ส่วนลึกของจิตใจพวกเราที่ชอบใช้ประโยคนี้อยู่บ่อยๆซ้ำๆ มันจะทำให้เราไม่มีทางออก เพราะการใช้ประโยคนี้ที่ผิดๆ มันจะกลายเป็นโจทย์ของชีวิตเรา เพราะเมื่อคุณจะตอบประโยคคำถามที่ว่า ทำไมถึงจน? ทำไมต้องจน?  ไม่มีเวลา? ทำไมไม่มีเวลา? ดิฉันเชื่อว่า คุณคงจะค้นหาคำตอบที่เป็นสาเหตุของความล้มเหลวเหล่านั้นอย่างถึงที่สุด เช่นอาจจะตอบว่า พ่อแม่ไม่รวยมาก่อน ไม่ขยัน ไม่รู้จักเก็บเงิน มัวทำแต่งานเลยไม่มีเวลาฯลฯ ที่เป็นสาเหตุของคำถามเหล่านั้น เมื่อตั้งโจทย์ชีวิตผิด คำตอบที่ได้อาจจะถูกต้องที่ว่า ทำไมถึงจน ทำไมไม่มีเวลา แต่มันจะมีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องไปขุดคุ้ยค้นหาเหตุผลของความล้มเหลวเหล่านั้น หากเราตั้งโจทย์ชีวิตถูก แทนที่เราจะหยุดอยู่ตรงที่ว่า ทำไมถึงจน ทำไมไม่มีเวลา ชีวิตเราก็จะมุ่งไปข้างหน้าเพื่อค้นหาสิ่งที่เราต้องการมากกว่าเหตุผลของความล้มเหลวนั้น

โจทย์ที่ถูกต้องของชีวิตก็คือ “จะทำอย่างไรชีวิตเราถึงจะประสบความสำเร็จ” งานหรืออาชีพอะไรที่สามารถให้ในสิ่งที่เราต้องการ ? เมื่อเราต้องการเงิน เราต้องเรียนรู้เรื่องเงิน เมื่อเราต้องการเวลา เราต้องรู้ว่าจะได้มันมายังไง สำคัญที่สุดคือ ต้องรู้ว่า เราติดกับดักอะไรอยู่ และเราจะออกจากกับดักนี้ไปได้อย่างไร เพราะความรู้ทางด้านการเงินที่แท้จริง คือหนทางที่ทำให้คุณพร้อมครอบครัว นำไปสู่การใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ และสิ่งที่จะต้องเปลี่ยนก็คือ สิ่งที่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวของคุณเองอย่างแท้จริง ..นั่นคือ ตัวคุณ ใช่หรือไม่

ความต้องการอะไร ? (ของผู้มุ่งหวัง)

นานที จะขอกลับมาเขียนเรื่องพื้นฐานของผู้มุ่งหวังสักหน่อยว่า ที่แท้จริงแล้วพวกเราต้องการอะไร ? กันแน่ เพราะฉะนั้น เรื่องราวสำคัญในวันนี้ สิ่งที่ดิฉันอยากให้นักธุรกิจเครือข่ายทั้งหลายต้องรู้ ต้องเข้าใจคือ มนุษย์ต้องการอะไร  ผู้มุ่งหวังกำลังมองหาอะไร ? จากประสบการณ์การทำงานในโลกธุรกิจเครือข่ายของดิฉันบางครั้งก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ คือ การสร้างความสัมพันธ์ และการเข้าใจความต้องการของมนุษย์ เพราะถ้าไม่เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ ก็หาคนมาสมัครไม่ได้ เมื่อสมัครคนไม่ได้ก็ไม่มีรายได้ แล้วก็ล้มตายไปจากสุดยอกดธุรกิจทั้งหลาย อย่างที่คน 99% ในโลกธุรกิจเข้าเป็นกัน จากพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ ที่เป็นผู้ชี่ยวชาญทางด้านนักมนุษยวิทยาได้แบ่งระดับความต้องการของมนุษย์ ตามทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการของมนุษย์ ( Maslow’s Hierarchy of Needs) ออกมาเป็น 5 ระดับ

1. ความต้องการทางด้านร่างกาย (Physiology Needs) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ หรือสิ่งมี ชีวิต ที่ต้องมีการเติมเต็มไม่ให้ขาด เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ เกิดขึ้นเช่น อ๊อกซิเจน, อาหาร, น้ำดื่ม , การพักผ่อนนอนหลับ หรือ ความต้องการทางเพศ ถ้าขาดสิ่งเหล่นนี้ไปหรือมีอยู่อย่าง ไม่พอเพียงแล้ว ความต้องการด้านอื่นในระดับที่สูงกว่าก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งความต้องการหลักของนักธุรกิจเครือข่ายต้องการก็คือ รายได้ ถ้าธุรกิจไหนสร้างรายได้มหาศาลให้กับคนที่ทำแล้ว หรือวิธีการไหนที่ทำให้เขาสร้างรายได้ืั้ต้องการแล้ว ก็จะแย่งกันเข้าไปทำ ซึ่งทำให้ทุกบริษัทเครือข่ายโปรโมทแผนการสร้างรายได้ หรือ ค่าคอมมิชชั่น หรือโบนัสต่างๆ เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาสนใจ เข้ามาทำธุรกิจด้วยความตื้นเต้น และความอยากได้เงินมหาศาลอย่างที่คนอื่นทำได้ แต่จากสถิติคน 99 % จะเลิกทำธุรกิจเครือข่าย ภายในเวลา 1-3 เดือน เพราะไม่มีรายได้จากการทำธุรกิจ หรือสร้างรายได้ไม่พอกับรายจ่ายในการทำธุรกิจ เพราะไม่รู้วิธีการสมัครคน หรือมีระบบการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพพอ

2. ความต้องการความปลอดภัย ( Safety Needs ) เมื่อความต้องการทางร่างกายได้ถูกเติมเต็ม แล้วความต้องการขั้นต่อไปคือ ความต้องการความปลอดภัย ความมั่นคง ซึ่งมนุษย์นั้นจะเป็นผู้มองหาความมั่นคง ในทุกเรื่องในการดำเนินชีวิต หรือกับเหตุการที่เผิชญอยู่ของเขาเหล่านั้น เช่น ความมั่นคงในการทำงาน สุขภาพ หรือรายได้  ความมั่นคงในการทำธุรกิจเครือข่าย ที่มองเป็นรูปธรรมได้ก็คือ ตัวบริษัทที่เราจะเข้าร่วม เช่น ชื่อเสียง ของบริษัท, ความมั่นคงของบริษัท, บริษัทเปิดมานานหรือยัง, มีบริษัทหรือศูนย์ธุรกิจอยู่ในเมืองไทย หรือไม่, ประสบการณ์ในโลกธุรกิจเครือข่ายของผู้นำธุรกิจ ซึ่งนักธุรกิจเครือข่ายทั้งหลายต้องให้ราย ละเอียดเหล่านี้ให้ผู้มุ่งหวังได้อย่างถูกต้องเมื่อถูกสอบถาม ซึ่งคำถามยอดนิยมในธุรกิจเครือข่ายของผู้มุ่งหวังถาม เพราะเกิดจากความไม่มั่นใจในการ ทำธุรกิจ เครือข่าย เช่น ทำเงินได้จริงอย่างที่บอกหรือเปล่า?, คุณทำเงินได้เท่าไหร่แล้วจากธุรกิจนี้? หรือถ้า คุณสร้างรายได้ 6 -7 หลักอย่างที่บอกได้แล้ว ค่อยมาคุยกันใหม่? ต้องสมัครคนหรือ ต้องขายของหรือเปล่า? ซึ่งเมื่อ ผู้มุ่งหวังไม่ได้รับคำตอบอย่างที่คิดไว้ หรือไม่ได้รับการตอบสนองที่พึงพอใจอย่างที่ บอกไว้ โอกาสที่จะถูกปฎิเสธก็จะมีสูลขึ้นไปด้วย

3. ความต้องการความรักและการเป็นเจ้าของ ( Belongingness and love Needs) ความต้องการลำดับต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม และมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่าสงบุคคล ก็คือ ความรัก และการเป็นเจ้าของ การได้รับการยอมรับจากสังคม หรือได้รับการดูแลเอาใจใส่ ซึ่งมนุษย์จะรู้สึกเจ็บ ปวดเมื่อถูกทอดทิ้ง หรือไม่ได้รับการยอมรับของสังคม
 ไม่มีเพื่อน และไม่ได้รับการนับถือ หรือยกย่อง ซึ่งกันและกันในครอบครัว คนรัก หรือระหว่างเพื่อนแล้ว ถ้ามนุษย์ไม่ได้รับการเติมเต็มในเรื่องนี้ แล้วสิ่ง ที่ก่อให้เกิดดความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ชีวิตล้มเหลว ไม่อยากทำอะไรต่อไป สิ้นหวังหมดกำลังใจ จนอาจรุนแรงถึงการฆ่าตัวตายได้  ในการทำธุรกิจเครือข่ายแล้วความต้องการลำดับที่ 3 นี้ จะเป็นทางด้านการสร้างความเชื่อมั่น หรือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล การดูแล และใส่ใจระหว่างอัพไลน์กับดาวไลน์ก็ดี หรือระหว่างผู้มุ่งหวังกับอัพไลน์ก็ดี ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างนักธุรกิจเครือข่ายกับผู้เข้าร่วมธุรกิจที่มาใหม่คือ เมื่อเข้าร่วมธุรกิจแล้วอัพไลน์ก็หายไป หรือไม่ได้การแนะนำวิธีการทำงานที่ถูกต้อง


4. ความต้องการได้รับการยกย่องนับถือยกย่อง ( Self-Esteem Needs) ซึ่งเป็นแรงผลักดันจากความต้องการในลำดับความต้องการขั้นที่ 3 หลังจากที่ได้รับความรักจากผู้อื่นแล้ว ซึ่งการนับถือยกย่องจากสังคมก็จะเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ซึ่งการนับถือยกย่องจะแยกย่อยไปได้เป็น 2 ส่วนหลักๆ
การนับถือตัวเอง ( Self- respect ) ความเชื่อมั่นและศรัทธาในตนเอง เป็นกุญแจสำคัญแห่งความประสบความสำเร็จในทุกด้าน เป็นแรงกระตุ้น ซึ่งก่อให้ความรู้สึกว่ามีคุณค่าแก่ผู้อื่นหรือมีประโยชน์กับผู้อื่น ซึ่งการนับถือตัวเองจะนำไปสู้ความสำเร็จในการทำ

งานและก่อให้เกิดความเป็นผู้นำในตัวบุคคลนั้น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีอยู่ในตัวของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง บิล เกตต์ เจ้าของ ไมโครซอฟ ,โดนัล ทรัมพ์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ระดับโลก หรือ สตีฟจ๊อบเจ้าของบริษัทแอปเปิล หรือผู้นำในธุรกิจ เครือข่าย ผู้ที่เป็นพ่อทีม แม่ทีม ในธุรกิจต่างๆ ที่สร้างรายได้มหาศาล ซึ่งในมุมของโลกธุรกิจเครือข่าย แล้ว 95 % ของคนที่จะเข้าร่วมธุรกิจนั้นหรือ จะกลัวการ สมัครคน หรือ ขายสินค้า หรือการต้องโทรติดต่อคนก็ดี เพราะไม่มีความมั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ และสำหรับนักธุรกิจมือใหม่จะสูญเสียความมั่นใจ หลังจากที่ถูกปฎิเสธจากผู้มุ่งหวังสัก 5- 10 ครั้ง และจะสูญเสียความต้องการทำธุรกิจหลังจากที่ถูกปฎิเสธอย่างต่อเนื่อง  ความต้องการยกย่องนับถือจากผู้อื่น ( Esteem from other Needs ) คือ ความต้องการกียรติยศ ชื่อเสียง ได้รับการชม

เชย การยอมรับจากสังคม การยกย่องจากผู้คนรอบข้างอย่างจริงใจ
หลังจากการ ทำงานอย่างพากเพียรนั้น เป็นดั่งยาวิเศษ ที่ทำให้ความสัมพันธ์แน่นเฟ้นขึ้น หรือสร้างความเชื่อมั่น และศรัทธาในตัวบุคคลให้สูงขึ้น

5. ความต้องการที่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ( Self-Actualization Needs ) เป็นความต้องการขั้นสูงสุดที่เกิดขึ้น เมื่อความขั้นตอนพื้นฐานที่กล่าวมาแล้วถูกเติมเต็ม มนุษย์ปรารถนาที่จะเข้าใจตัวเองมากกว่าสิ่งใดสนใจในเรื่องของตนเอง มา

กกว่าสิ่งใดในโลก มนุษย์อาจใช่เวลาทั้งชีวิต สูญเสียเงินทองมากมาย เพียงเพื่อค้นหาว่าตัวเองต้องการอะไร และการได้ลิม้รสชาติแห่งความสุขที่ได้รับซึ่งความเข้าใจในตนเองอย่างแท้จริงคือ การเติมเต็มความปราถนาในทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งต้องการ และการบรรลุถึงจุดสูงสสุดแห่งศักยภาพของตนเอง อย่างเช่นศิลปินที่สร้างผลงานไปเรื่อยๆ เพียงเพื่อได้รับผลงานที่ดีที่สุด หรือนักกีฬาที่แย่งกันเอเป็นที่ 1 หรือ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่ทำงานอย่างไม่มีวันหยุด เพื่อต้องการเป็นคนที่รวยที่สุด ทั้งที่มีทรัพย์สินมากที่สุด ความเข้าใจตัวเอง เป็นบริบทหนึ่งของการสร้างความสบูรณ์ที่สุดของชีวิตคนๆ หนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งการเติมเต็มความต้องการนี้ในการทำธุรกิจเครือข่ายก็จะเป็นการช่วยเหลือ แนะนำวิธีการทำธุรกิจที่ถูกต้อง หรือช่วยดาวไลน์ หรือผู้ที่อยู่ในสายงานสปอนเซอร์ค

นได้  สิ่งที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายล้มเหลวในการสปอนเซอร์คนคือ ตอบไม่ตรงคำถามที่ผู้มุ่งหวังอยากจะรู้ หรือไม่ตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวัง เพราะต้องการเพียงจะขายโอกาสทางธุรกิจของตัวเอง เพื่อตอบสนองแต่ความต้องการของตัวเองเท่านั้น

ดังนั้น นับจากนี้ไป ดิฉันเชื่อว่า เพื่อความสำเร็จในการสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังให้เป็นนักธุรกิจเครือข่าย, นักธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์, นักธุรกิจขายตรงทั่วไป...ที่ผู้มุ่งหวังแย่งกันเข้าร่วมธุรกิจด้วย "จงเรียนรู้วิธีการเข้าถึงความต้องการของบุคคลที่ท่านติดต่อ ด้วยการเติมเต็มสิ่งที่เขาต้องการได้มากกว่าสิ่งที่เราต้องการให้ " โชคดีค่ะ  

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

"ความดี" จุดเริ่มต้นของ MLM

หากมองย้อนหลังไป เมื่อได้ทำธุรกิจเครือข่ายมาได้สักพัก ทำให้รู้เพิ่มขึ้นว่า การสร้างธุรกิจเครือข่ายที่ยั่งยืนได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากการหา " คนดี " มาร่วมงาน คนดีที่มี " ความดี " จริงๆ ไม่ได้ต้องเป็นคนเก่ง คนรวย คนผ่านงานมาก่อน หรือคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้มาก่อน ซึ่งต้องมีดีจากการให้ ให้ที่ไม่ได้ต้องหวังผลตอบแทน ให้ก่อน ให้จนคนรับรู้สึกมีความสุข มีความสมหวัง คำว่า ธุรกิจเครือข่ายของคนดีจึงเกิดขึ้น ส่วนเมื่อเป็นนักธุรกิจขึ้นมาแล้วนั้นจะทำอย่างไรนั้นถึงจะประสบผลสำเร็จอย่างไร ? ดิฉันมีคำตอบ จากความเดือนร้อนเกี่ยวกับเศรษฐกิจในบ้านเมืองเรา อยู่ตรงที่นักธุรกิจไทยไม่ค่อยชอบสร้างเครือข่าย เลยกลายเป็นว่าประเทศไทยของเราที่ผ่านมา นักธุรกิจประเภทเดียวกัน แทนที่จะช่วยกันสร้างเครือข่าย กลายเป็นว่ากลับมาฟาดฟันกันเอง ผลสุดท้าย แม้ไม่มีใครมาทำลายเรา เราก็ทำลายกันเองเสียแล้ว เช่น แข่งขันตัดราคาสินค้ากันเอง เป็นต้น

ที่ผ่านมาความเสียหายทางเศรษฐกิจของชาติจึงได้เกิดขึ้น เพราะว่าแต่ละคนล้วนมองเห็นแต่ประโยชน์ ส่วนตนเป็นหลัก ซึ่งเป็นเรื่องของคนที่มีใจคับแคบ เพราะฉะนั้น คนที่ใจคับแคบจึงสร้างเครือข่ายคนดีไม่ได้ การจะสร้างเครือข่ายคนดีของนักธุรกิจได้สำเร็จนั้น สิ่งสำคัญก็คือ ต้องฝึกตนให้เป็นคนสายตายาว คนสายตายาวในที่นี้ไม่ใช่ต้องประกอบแว่น แต่หมายถึง มีสายตายาวจนกระทั่งมองกันข้ามชาติไปเลย คือ มองว่าที่เกิดมาชาตินี้ เราเกิดมาเพื่อสร้างบุญสร้างบารมี เกิดมาเพื่อทำความดี เกิดมาเพื่อปราบกิเลสให้หมด แล้วทำพระนิพพานให้แจ้ง แต่ในระหว่างสร้างบุญสร้างบารมีนั้น ยังต้องกิน ต้องใช้ ก็เลยต้องมาประกอบอาชีพ ประกอบธุรกิจกัน เมื่อยังต้องประกอบธุรกิจ ก็ขอให้มองว่า การประกอบธุรกิจนี้ไม่ใช่เป้าหมายชีวิต แต่เป็นเพียงแค่ทางผ่าน เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ในการสร้างบุญสร้างบารมี เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ในการปราบกิเลสให้หมดไปเท่านั้น เมื่อมองอย่างนี้แล้ว ใจของเราจะใหญ่ สายตาของเราจะยาว จากนั้นก็มองต่อไปว่า การที่เราจะสร้างเครือข่ายนักธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่รวมเงินทุนกันเท่านั้น แต่ว่า เป็นเรื่องของการรวบรวมคนดี รวบรวมนักสร้างบารมีให้มาอยู่ร่วมกัน ทีนี้ความสำเร็จ ความสุข ก็จะเกิดขึ้นตามมาไม่ยาก 

คุณสมบัติของผู้ที่เป็นสมาชิกเครือข่ายคนดี MLM
ดิฉันขอเน้นให้ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกในเครือข่ายคนดีของเรานั้น ควรต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. ประกอบสัมมาอาชีวะ ไม่เกี่ยงว่าใครจะมีอาชีพอะไรมาก่อน ไม่ว่าจะประกอบอาชีพต่างกัน หรือว่า
    เหมือนกันก็ตาม พอเมื่อมาเป็นสมาชิก MLM แล้วขอให้รักกัน ให้ใจกันเป็นพอ ที่สำคัญคือ ไม่
    ประกอบอาชีพต้องห้าม ไม่อิจฉาริษยา ไม่ใส่ร้ายป้ายสี เช่น พูดกล่าวหา ต้องการแกล้ง อยากเห็น
    คนอื่นทุกข์ใจ หาทางเพิ่มรายได้ผิดวิธีการ โกหกหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เป็นต้น
2. ไม่ติดอบายมุข ผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิก ต้องไม่แตะต้องอบายมุขทุกชนิดเป็นอันขาด จะดีมากๆ  
3. ประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม ถ้าใครไม่รักษาศีล 5 กันละก็คงไปด้วยกันไม่ได้ เพราะว่าเครือข่าย
    คนดีนี้ นอกจากจะประกอบอาชีพร่วมกันไป ช่วยเหลือกันไปแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ต้องทำดี ช่วยเหลือ
    คน มีโอกาสสงเคราะห์คน สงเคราะห์ศาสนาด้วยบุญทานอะไรมีโอกาสก็รีบช่วยกันทำ อย่างนี้บุญ
    บารมีเกิดขึ้นตลอดทางทีเดียว

วิธีปฏิบัติตนเมื่อเข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายคนดี MLM
จากนั้นแบ่งเวลาร่วมเป็นองค์กร หรือเป็นเครือข่ายกันแล้ว สิ่งที่ควรปฏิบัติต่อกัน ก็คือ
1. นอกจากใช้ทรัพย์เป็นทุนในการประกอบธุรกิจแล้วจะต้องแบ่งทรัพย์นั้น มาช่วยกันสร้างเครือข่ายคน
    ดีต่อไปอีกด้วย ในการแบ่งปันน้ำใจแก่คนตกทุกข์ได้ยาก
2. นอกจากจะเอาความรู้ความสามารถมาแลกเปลี่ยนเป็นทุนกันแล้ว ก็อย่าลืมเอาความดี ทั้งหลายที่
    ต่างคนต่างมีอยู่ มาแลกเปลี่ยนกันอีกด้วย คือ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านธรรมะ ความสามารถใน
    การปฏิบัติธรรม เทคนิคในการเข้าถึงธรรมในแง่มุมต่างๆ เทคนิคในการรักษาศีล ตั้งแต่วิธีรักษาทีละ
    วัน ทีละเดือน ทีละพรรษา ทีละปี แล้วก็เอามารวมกันเป็นทุนทางด้านอริยทรัพย์ ไม่ใช่เป็นทุนทาง
    ด้านโลกียทรัพย์ อย่างนี้เครือข่ายคนดีของนักธุรกิจ MLM ก็จะเกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน แล้วการร่วมลง
    ทุนก้อนโตๆ กันก็คงไม่ยาก และเมื่อนั้นดิฉันเชื่อว่า ผลดีจากการทำดี ย่อมได้ดีอย่างแน่นอน
     ....สาธุ รวย รวย รวย

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

เหนื่อยไหม..คน(ขยัน)ดี

เหนื่อยไหม..มักเป็นคำที่เรามักจะพูดให้คนทำงานหนัก ชนิดไม่ได้พักผ่อน มาวันนี้ ถ้าคุณเหนื่อยกับการตามไล่ตามหาคนเข้าร่วมธุรกิจ MLM แล้วละก้อ ความเหนื่อยที่ต้องใช้ทุกวิถีทางที่จะสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังให้ได้ เหนื่อยกับการควักเงินจ่ายจนหมดกระเป๋ากับแผนการตลาดที่สุดยอดแต่สมัครใครไม่ได้
นักธุรกิจเครือข่ายทั่วๆ ไป ก็ชอบพูดโฆษณาเกินจริงตลอดเวลาว่า  ธุรกิจเครือข่ายนั้นทำง่ายได้จริง  แต่ทำไมสถิติคนล้มเหลวจึงสูงถึง 97% หล่ะ ดิฉัน
เองก็เคยล้มเหลวมาก่อน และก็พอรู้ตื้นลึกหนาบางของวงการนี้ดี แต่ถ้าดิฉันบอกว่า  มันมีวิธีการ ที่สามารถช่วยให้คุณดึงดูดผู้มุ่งหวัง และลูกค้า จำนวนมากๆ เข้ามาสู่ธุรกิจของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจบริษัมไหนก็ตาม โดยผู้มุ่งหวังเหล่านั้น  ติดต่อเข้ามาพร้อมกับบัตรเครดิตหรือเงินสดในมือ และต้องการที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับคุณด้วยความสมัครใจของเขาเอง คุณว่ามันน่าสนใจไหม   แน่นอน! ดิฉันสนใจมันมากเลย เพราะเมื่อดิฉันได้เรียนรู้วิชานี้แล้ว เสียงคำปฏิเสธของผู้มุ่งหวังก็กลายเป็นอดีต  ใช่…ไม่มีโดนปฏิเสธอีกเลย
คนที่เคยปฏิเสธคุณ มีโอกาสที่จะย้อนกลับมาเป็นดาวน์ไลน์ของคุณในที่สุด และนี่คือจุดจบของการทำธุรกิจเครือข่ายยุคไดโนเสาร์ ที่คุณต้องออกไปไล่ล่าหาเหยื่อผู้มุ่งหวัง ทุกวันๆ แต่ดัวยวิธีการที่คุณจะได้เรียนรู้ต่อจากนี้…จะทำให้คุณเหมือนเป็นเหยื่อ  ที่จะเป็นผู้ถูกไล่ล่าจากผู้มุ่งหวัง  ที่อยากจะเข้าร่วมธุรกิจกับคุณ  เพราะเขารู้และเข้าใจดีว่า คุณคนเดียวเท่านั้นคือผู้ที่นำความสำเร็จมาสู่เขาได้ ดิฉันขอแนะนำให้คุณค่อยๆ ติดตามเรื่องราวดีดีจากที่นี่ หรือโทรมาคุยก็ได้ เพราะว่าอันที่จริงแล้ว! คุณไม่จำเป็นที่จะต้องไล่ตามหาผู้มุ่งหวังเลย  ไม่จำเป็นต้องตามตื้อชวนเพื่อน หรือญาติพี่น้อง ออกไปแจกใบปลิว การชวนคนเข้าร่วมงานประชุมตามโรงแรม  หรือการมีรายจ่ายมากกว่ารายได้…

ในการทำธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่ดิฉันอยากจะบอกก็คือ  มันยังมีวิธีการที่ทำให้คุณได้เงินจากการสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังได้อย่างไม่รู้จบ ถึงแม้สุดท้ายเขาเหล่านั้น จะไม่เข้าร่วมธุรกิจกับคุณ คุณก็ยังมีรายได้มาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว คุณจะได้รับประสบการณ์ใหม่  จากการที่ผู้มุ่งหวังร้องขอ และตื๊อที่จะเข้าร่วมธุรกิจของคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องโทรไปชวนเขาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ดิฉันคิดว่าเราถึงเวลาหยุดที่ต้องสร้างธุรกิจแบบเดิมๆให้ เสียเงิน…เสียเวลา…เสียความรู้สึก แล้วมาเริ่มต้นทำในสิ่งที่เวิ์รคมากๆกันดีกว่า กับวิธีการสร้างรายได้จากการสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังที่หลั่งไหลเข้ามาหาคุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ขอให้ทุกคนจงขยันเรียนรู้เทคนิคที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างยิ่งใหญ่ในการสปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังของคุณได้จากที่นี่ประจำ รับรองเดี๋ยวก็เก่งเอง..ขอบอก

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

ใครหนอ...ที่คิดว่าใช่กับ MLM

ธุรกิจ MLM สำหรับมือใหม่..อาจจะยังมีคนสงสัยว่า เหมาะกับใครหนอ ?  ถ้าถามว่าธุรกิจเครือข่าย MLM เหมาะกับใครจริงๆ ดิฉันขอตอบได้เลยว่าไม่ได้เหมาะกับทุกคน แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ ทุกคนมีสิทธิทำแต่ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จนั่นเอง ในธุรกิจเครือข่าย MLM เหมาะสำหรับคนที่มีลักษณะริเริ่มสร้างสรรค์ และเป็นผู้นำเท่านั้น ธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจที่ไม่มีนาย ไม่มีหัวหน้า ไม่มีลูกจ้าง ไม่มีลูกน้อง เครือข่ายอาจจะมีเป็นร้อยเป็นพันคนแต่ไม่มีใครสามารถสั่งใครให้ใครทำอะไรได้ ทุกคนในเครือข่ายมีอิสระในการที่ทำหรือไม่ทำอะไร คนที่ทำธุรกิจ MLM จะต้องสั่งให้ตัวเองทำงานเท่านั้น ต้องจูงใจตัวเองให้ขยันขันแข็งและทำงานอย่างหนัก ทุกคนต้องหาทางช่วยตัวเองและหาหนทางช่วยคนอื่นภายในเครือข่ายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการ
        ดังนั้น แล้วคุณคิดว่าคนที่จะทำได้เช่นนั้น เขาจะต้องเป็นคนยังไงหล่ะ มีคุณสมบัติอย่างไรบ้างหละ คำตอบก็คือ "ริเริ่มสร้างสรรค์ " อย่างไรหล่ะ คือ ลงมือทำในสิ่งที่ควรทำโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอกให้ทำ และต้องมี "ความเป็นผู้นำ" คือ ต้องเป็นคนที่กล้าคิดกล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ กล้าสำเร็จ กล้าล้มเหลว และที่สำคัญต้องมีจุดมุ่งหมายในการทำงาน เพื่อหลักประกันในอนาคต เพื่อแสดงศักยภาพของตนเอง แน่นอนค่ะไม่มีใครมีคุณลักษณะอย่างที่กล่าวมาแล้วมาข้างต้น แต่ค่ะ แต่เขาจะต้องค่อยๆ สร้างมันขึ้นมา ตลอดเส้นทางเดินของการเป็นนักธุรกิจเครือข่าย MLM และยิ่งสร้างคุณสมบัติเหล่านี้ขึ้นมามากเท่าไหร่ เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้มากและเร็วเท่านั้น ดิฉันจึงไม่คิดว่าใคร ๆ ก็สามารถทำธุรกิจ MLM ได้ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมยังมีคนจำนวนไม่มากในธุรกิจนี้ที่ประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าความริเริ่มสร้างสรรค์ และการเป็นผู้นำจะสามารถสร้างได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะสร้างขึ้นมาได้ มันต้องอาศัยทั้งความมุมานะ มุ่งมั่น มุ่งเน้น และมุ่งไปตามความปรารถนาอย่างแรงกล้า ประดุจดังเปลวไฟอันแรงกล้า ความเชื่อมั่น และความสัทธาในตัวเองอย่างสูง ด้วย จึงจะทำให้คนผู้นั้นสามารถสร้างคุณลักษณะดังกล่าวขึ้นมาได้ แต่คุณคิดว่าจะมีสักกี่คนหล่ะที่ทำได้ กี่คนหล่ะที่มีพลังมากพอ ซึ่งดิฉันเห็นว่า คนส่วนมากไม่มีพลังมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ พวกเขาพอใจที่จะกลับไปอยู่ในกิจกรรมปกติของซึ่งปลอดภัยและสบายกว่า แล้วใช้ชีวิตไปตามยถากรรมไปเรื่อย ๆ หรือคุณคิดว่าอย่างไร...

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

อะไร ? ที่ไม่ต้อง...(แล้วดี)

เป็นอย่างไรกันบ้างวันนี้ ฝนคงตกทุกวันสินะ การทำธุรกิจ MLM มักต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และการเปลี่ยนแปลงนั้นจะดีมาก จะดีกว่าเดิม ถ้าไม่ต้องทำในสิ่งที่เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นวันนี้จะดีกว่าไหม ถ้าดิฉันมีวิธีการทำธุรกิจเครือข่าย MLM ใหม่ๆ ในแบบที่มันเกิดผลลัพธ์ดี โดยที่……ไม่ต้อง ! เร่ขายฝัน ทำแล้วดี ทำแล้วได้ ทำแล้วดัง มาลองคิดแบบนี้ดูนะ
* ไม่ต้อง ! คิดหาเหตุผลร้อยแปด ชวนคนคุย เช่น บน BTS, รถเมล์, คนเดินผ่านไปมา หรือคนใกล้ตัวก็ตาม
* ไม่ต้อง ! ออกจากบ้านไปประชุมดึก ดื่น
* ไม่ต้อง ! ออกจากบ้านขายสินค้า หรือเป็นเครื่องมือสาธิต สินค้าให้คนอื่น
* ไม่ต้อง ! ลิสรายชื่อ เพื่อโทรชวน ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จัก
* ไม่ต้อง ! รับคำปฏิเสธอย่างเย็นชา หรือมองว่าเป็นตัวประหลาดอีกต่อไป
สิ่งที่ทำให้คุณ หลุดพ้น จากความล้มเหลวในธุรกิจ MLM แบบไม่ต้องฝืนธรรมชาติ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าเอาไหม
ที่ดิฉันกำลังจะบอกต่อไปนี้ก็คือ วิธีการทำธุรกิจเครือข่าย แบบใช้ความรู้ความเข้าใจกฏธรรมชาติของมนุษย์ และนี่คือ ตัวอย่างเบื้องต้นของกฏธรรมชาติที่มนุษย์เป็น และเราสามารถนำมา ผนวกกับการทำธุรกิจ MLM ได้อย่างยอดเยื่ยม เชื่อหรือไม่...
- มนุษย์โหยหาความสำเร็จ ทุก คนบนโลกนี้ ล้วนแล้วแต่ต้องการให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น แต่คุณรู้ไหมว่า การมีชีวิตเริ่มต้นจากกระบวนการทางความคิด แล้วกลั่นกรองออกมาเป็นการกระทำ แล้วจึงทำให้เกิดผลลัพธ์ที่พึงพอใจนั่นเอง  ฉะนั้นแล้ว การที่คุณจะประสบความสำเร็จหรือไหมนั้น ต้องเริ่มจาก ความคิด คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง คิดให้ดี คิดบวก คิดให้สร้างสรรค์ และคิดให้แตกต่าง มันถึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ในการทำธุรกิจของคุณนั้นมีวิธีการที่จะสอนให้เรา คิดให้เป็น” ตามที่ดิฉันบอกหรือไม่ ถ้าไม่มีโอกาสที่จะล้มเหลวสูงแน่นอนเลย
- มนุษย์เป็นสัตว์สังคม คำนี่เป็นประโยคเด็ดเลย แต่ว่าบางคน คงไม่ได้ใช้ประโยชน์ จากกฏธรรมชาติข้อนี้แน่นอน การที่เราจะดำเนินธุรกิจใด ก็ตามจำเป็นต้องมีคนให้คำปรึกษา คนช่วยเหลือ คนให้การสนับสนุน โดยที่คนเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการที่เราต้อง สร้างความสัมพันธ์” จาก 0 (ศูนย์) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่นึกต้องการก็ต้องมีให้ทันที  ฉะนั้นแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ จึงเป็น Key Success แม้จะเป็นทีมงาน หรือไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไรก็ตาม
มนุษย์ไม่ชอบถูกการยัดเยียด ไม่ชอบถูกขาย แต่ทุก คนชอบซื้อ แล้วการที่เราไป ยัดเยียดธุรกิจเครื่อข่าย MLM ให้กับคนรู้จัก ญาติ พี่น้อง คนสนิทต่าง มันก็เหมือนกับที่เราไปขายเค้า โดยที่เราไม่รู้เลยว่า เค้ามีความต้องการเหมือนกับเราหรือไม่
ฉะนั้นการเรียนรู้ตรงนี้อาจารย์จะสอนดิฉันประจำให้ทุก คนได้มีโอกาสรู้จักการทำธุรกิจ MLM โดยอาศัยกฏธรรมชาติ
ไม่ใช่บังคับขู่เข็นเค้า เราจะไม่บอกว่า ทำแล้วดี ทำแล้วได้ ทำเถอะจะรวยเองแน่นอน เพราะดิฉันเชื่อว่า ทุก คนส่วนใหญ่แล้ว คงจะเอียนกับคำพูดเหล่านี้มามากพอแล้ว
ลองเมื่อการทำธุรกิจของคุณไม่ได้เกิดจากการ? บังคับ ความแข็งแกร่งของทีมงาน ในธุรกิจเครื่อข่าย MLM ของคุณก็จะมากขึ้นนั้นเอง  นี่เป็นเพียง? “เหตุผลหลัก เพียงข้อที่หนึ่งของการเรียนรู้ การทำธุรกิจโดยอาศัยกฏธรรมชาติ ซึ่งดิฉันมีข้อมูล และสิ่งดีดีให้ประจำ ขอให้คุณมาลองติดตามกัน ก็จะได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย ยิ่งคุณได้รุ้จากมันมากแค่ไหน โอกาสของความสำเร็จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายจากใจ การที่ใครจะประสบความสำเร็จธุรกิจเครือข่าย MLM ได้หรือไม่นั้น ไม่สำคัญว่าคุณจะเก่งมาจากไหน หรือเคยสำเร็จจากธุรกิจไหนมา จะได้ทำเงินมาเท่าไหร่ ความจริงมันขึ้นอยู่กับว่า คุณตอนนี้คุณได้เริ่มต้นให้การช่วยเหลือใครบ้างหรือยัง.. ถ้ายังเริ่มต้นเสียแต่วันนี้ ให้ทำดูแล้วจะรู้ว่าความสำเร็จที่แท้จริงเป็นอย่างไร

ขอเพียงแค่ " คิด " ก่อนก็ดีมาก


" คิด " เป็นสิ่งที่ดี หากได้ทำก่อนการใดๆ และถ้าเป็นกระบวนการคิดด้วย.. ยิ่งดีมาก การคิดมีหลากหลายแบบ บางคนชอบคิดสร้างสรรค์ บางคนชอบคิดแบบมีหลักตรรกศาสตร์ บางคนชอบคิดแนวขวาง หรือบางคนไม่ชอบคิดเลย ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่ดี อย่าได้ไม่คิด แต่คิดสักหน่อยดีกว่านะ วันนี้ ดิฉันขอเสนอแนวความคิดที่อยากจะฝากไว้กับนักธุรกิจทุกคนว่า หากอยากสำเร็จแล้ว ต้องคิดแบบนี้กันทุกคนนะ รับรองผลได้ดีทุกคน เพราะพิสูจน์มาแล้ว
การคิดและทำอย่างคนสำเร็จ
1. ทุกสิ่งที่เรา
คิด ตัดสินใจ เลือก และลงมือ
     ทำ ต้องมาจากหัวใจของเราเอง
2. เราต้องจัดการกับตัวเองในเรื่องที่สำคัญที่สุด  

    คือ การบริหารเวลา กับ การใช้ชีวิตของเรา
3. เราต้องจัด
ลำดับความสำคัญของงานในชีวิตของเราให้ชัดเจน
4. เราต้องมีหัวใจ "
รักการเรียนรู้" เป็นอันดับหนึ่ง
5. เราต้องทำงานพื้นฐานของการ
มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี 
6. เราต้องทำงานอยู่ใน ระบบของการสร้างธุรกิจเครือข่าย ที่ถูกต้อง เช่น
  - House Meeting การประชุมกลุ่มย่อย (เนื้องานรายวัน)
  - Center Meeting การประชุมเซ็นเตอร์ (เนื้องานรายสัปดาห์)
  - BOP Training Course เรียนรู้และศึกษา 
คอร์สการเริ่มต้นธุรกิจ
  - ฝึกเรียนรู้และศึกษา 
การเปิดโอกาสทางธุรกิจ
  - Mini EXPO 
งานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นภายในกลุ่มเซ็นเตอร์
  - Camp เรียนรู้และศึกษา 
งานแคมป์กลุ่มเซ็นเตอร์
  - เข้าคอร์สฝึกอบรมสินค้าและงานที่บริษัทจัดขึ้น เช่น
งานเปิดตัวสินค้าใหม่ , LPM 
    (เนื้องานรายเดือน)
7.พวกเราต้องมีหัวใจของ
นักสู้ และผู้ชนะ เสมอ


เพียงเท่านี้ คิดว่าพวกเราคงทำได้กันนะ และขอให้พบกับความสำเร็จทุกวันที่ได้คิด...

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

เวลา กับ ความสำเร็จ..สำคัญพอกัน

           ใครคิดว่าเรื่องของเวลาไม่สำคัญ แต่สำหรับดิฉัน เวลานับว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง ที่อาจจะทำให้ธุรกิจ ประสบความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวก็ได้ โดยเฉพาะ ธุรกิจ MLM กล่าวคือ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้นั้น มักจะต้องได้จังหวะเวลาที่เหมาะสม พอดีๆ ไม่ช้าหรือเร็วเกินไปตามเป้าหมายที่กำหนด  วันนี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนๆ ในประเทศไทย เราก็พบ ร้านอาหารจานด่วน หรือ Fast Food ของฝรั่งมากมายไปหมด และส่วนใหญ่ก็ขายดิบขายดีเสียด้วย ทั้งๆ ที่ราคาก็แพงกว่าก๋วยเตี๋ยวไม่น้อย แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ไก่ย่างจานด่วนยี่ห้อดังของฝรั่ง ที่เข้ามาขายในเมืองไทยครั้งแรกนั้น ปรากฏว่าอยู่ได้ไม่นานก็ต้องพับฐานกลับไป เพราะมาถึงเมืองไทยเร็วเกินไป หลังจากนั้น อาหารจานด่วนของฝรั่งก็ต้องรอเวลาอีกนานหลายปี จวบจนกระทั่ง เมื่อปี 2526 แฮมเบอร์เกอร์ยี่ห้อดัง ก็ตัดสินใจเข้ามาเปิดตัว พร้อมกับความสำเร็จ และถือเป็นการเปิดศักราช Fast Food ในเมืองไทย ให้เติบโตมาจนทุกวันนี้  อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยที่เข้ามาผิดเวลา แม้กระทั่งอาหารจานด่วน พันธุ์ไทยแท้ อย่าง “ข้าวแกงรามา” ซึ่งขายข้าวแกงไทยๆ ในห้องอาหารสะอาด ติดแอร์ ช่วงประมาณปี 2519 หรือ 2520 เห็นจะได้ ก็ยังเปิดตัวเร็วเกินไป ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ และต้องล่าถอยไปในที่สุดเช่นกัน ไม่เหมือนวันนี้ ที่พวกเราทานก๋วยเตี๋ยวและข้าวแกง ใน Food Court กันเป็นปกติธรรมดาไปแล้ว

           เวลาตอนนี้หากมาเร็วเกินไป ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ช้าไป ก็เสียหายเช่นกัน สองสามปีให้หลังมานี้ สินค้าไฮเทคนั้น พัฒนากันเร็วมาก ไอโฟน 4 ออกมาไม่ทันไร ไอโฟน 5 มาอีกแล้ว รวมทั้งมี Features ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องจับ จังหวะเวลา ให้ดีมากๆ ขืนวางตลาดช้าไปเพียงนิดเดียว ก็มีโอกาสเสียหายได้มากๆ ขณะเดียวกันของที่ไม่ใช่ไฮเทค ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพราะสินค้าบางอย่าง ช้าไปเพียงวันเดียว ก็ไม่ทันกาลแล้ว บนโลกใบนี้ดิฉันคิดว่าได้มีตัวอย่างมากมายให้เห็นได้ชัดเจนถึง " เรื่องของเวลา" เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะบริษัทขายตรงหลายแห่งในไทยที่มีปัญหามากมาย กับตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ให้โดนใจสมาชิก และให้ทันกับเทรนด์ของโลก ไม่ใช่เพราะบริษัทไม่มีเงินทุน แต่เป็นเพราะจังหวะเวลาไม่เหมาะสม รูปแบบไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ขืนต้านบรรยากาศเข้าไป ก็คงขายไม่ได้ หรือขายได้ ในราคาต่ำ และด้วยความเหนื่อยยาก มากๆ

           ส่วนเจ้าของธุรกิจขายตรง MLM  ทั้งไทยและเทศ รวมถึงนักธุรกิจเครือข่าย จึงต้องพยายามวางแผน และคาดการณ์อนาคตเสมอ ว่าจะขายสินค้าหรือบริการอะไร และเมื่อใด จะเป็นเวลาที่เหมาะสม แม้จะมีหลายคนที่คิดว่า มันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากทีเดียว เมื่อคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมในขณะนี้ ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนว่ามีเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น หรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ทุกคนต้องมีแผนสำรองไว้กันทั้งนั้น ดิฉันในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของระบบธุรกิจขายตรง ยอมรับว่า ถ้าเรารู้จกับริหารเวลาให้ดีแล้ว ต่อให้เกิดปัญหาอะไร ใดๆ ก็ตาม เราพอจะอยู่ได้ต่อไปในอนาคต ด้วยเหตุผลที่เราได้มีการเอาเวลาของอนาคตมาใช้แล้วในวันนี้ นั่นหมายถึง เราได้คิดเผื่อ คิดวางกรอบไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งหมด แบบไม่ต้องมีการวิตกกังวลอีกต่อไป ทีนี้ความสำเร็จที่คิดไว้ วางแผนไว้ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก